A WAY OF LIFE ACCORDING TO IDDHIPADA DHAMMA PRINCIPLE OF URAKLAWOY FISHERMEN, RASADA SUB-DISTRICT, MUANG DISTRICT, PHUKET PROVINCE ; การดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

The objectives of this research were as follow 1. To study level a way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province 2. To compare the way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province in terms of sexes, ages, occupations and monthly incomes as differently and 3. To presented the suggestions on the way to promote on the way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province. The populations for this research were about 1,163 persons, sample size according to Krejcie and Morgan’s table measurement the samples were about 285 persons. The findings were as follows. A way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province by overview was at more level (=3.58) when considered in each aspect found that the aspect of Chanda was the highest mean (=3.63) and followed up the aspect of Jitta (=3.59) and the aspect of Vimansa­ was the lowest mean (=3.53) A way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province in the terms of sexes, ages, occupations and monthly incomes found that there were not different as statistically significance at 0.05 3. The suggestion on the way to promote a way of life according to Iddhipada Dhamma principle of Uraklawoy fishermen, Rasada sub-district, Muang district, Phuket province found that the aspect of Chanda was the highest frequency i.e. they should satisfy in their races of Uraklawoy, to satisfy in law, rule, order of community or society which have agreement each other and to be full mind in work performance with others or group ; การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาระดับการดำเนินชีวิตตามหลัก อิทธิบาทธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 2. เพื่อเปรียบเทียบการดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ที่มีเพศ อายุ อาชีพ และรายได้ต่อเดือน และ 3. เพื่อนำเสนอแนวทางส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ประชากรที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 1,163 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเคร็ชซีและมอร์แกน จำนวน 285 คน ผลการวิจัยพบว่า 1. การดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่ม ชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยรวมอยู่ในระดับมาก (=3.58) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านฉันทะ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (=3.63) รองลงมา คือ ด้านจิตตะ (=3.59) และด้านวิมังสา มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (=3.53) ผลการเปรียบเทียบการดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย พบว่า ชาวเลอูรักลาโว้ย ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ที่มีเพศ อายุ อาชีพ และรายได้ต่อเดือนต่างกัน มีการนำหลักอิทธิบาทธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แนวทางส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักอิทธิบาทธรรมของกลุ่ม ชาติพันธุ์ชาวเล อูรักลาโว้ย ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มากที่สุด คือ ด้านฉันทะ ที่ว่า ชาวกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย มีความพอใจในการปฏิบัติตามกฎ กติกา ของชุมชนหรือสังคมที่ตกลงกันไว้ และมีความเต็มใจที่จะทำงานให้กับส่วนรวมและหมู่คณะ